Tuesday 17 November 2009

อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน : Uta no Oniisan

Rating:★★★★★
Category:Other
มื่อคราวที่ดำรงสถานะเป็นคนว่างงาน (อยู่ 9 เดือน) สิ่งหนึ่งที่เราเอามาไว้กล่อมเกลาจิตใจก็คือ เพลง (ไทย)
คนมีความรัก มักจะอินกับเพลงรักโน่นนี่ฉันใด
ไอ้คนที่มีฝันลมๆ แล้งๆ อย่างเราก็อินไปกับเพลงให้กำลังใจต่างๆ นานาฉันนั้น

หยุดฝันก็ไปไม่ถึง
กับ
Live and Learn
เป็นสองเพลงที่เราเอามาใช้กล่อมเกลาจิตใจมากที่สุดในช่วงเวลานั้น
แต่ ฟังบ่อยๆ เข้าก็เกิดสับสน นี่ฉันจะเชื่อแบงค์ หรือจะเชื่อคุณป้ากมลาดี ก็คนหนึ่งบอกให้ว่า อย่าหยุดที่จะฝัน ไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึง
ขณะที่อีกคนบอกว่า อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
……
…..
…..


เอา ล่ะ เหมือนจะนอกเรื่องมานาน หนนี้จะพูดถึงซีรีส์สัญชาติญี่ปุ่นที่ตอกย้ำสิ่งที่คุณป้ากมลาร้องไว้ว่า... อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

うたのおにいさん (Uta no Oniisan)

ยาโนะ เคนตะ เป็นผู้ชายประเภทที่เรียกว่า แทบไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆ ในชีวิต
ใช้ ชีวิต salary man แบบหมุนเรื่อยๆ ไปวันๆ ชีวิตจะมีสีสันหน่อยก็กับบทบาทนักร้องนำในวงดนตรีที่เขาร่วมกันฟอร์มกับ เพื่อนๆ และมีหญิงสาวหนึ่งเดียวในวงเป็นแฟน


แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก
เมื่อเคนตะโดนไล่ออกจากงาน
วงที่เป็นเหมือนหลักยึดเหนี่ยหลักเดียวในชีวิต จู่ๆ ก็มายุบวงไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มิหนำซ้ำแฟนสาวก็มาบอกเลิก
ยัง... ยังไม่พอ คนเป็นพ่อยังมาบอกให้เขาชดใช้เงินที่เคยส่งเขาเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลว่า ...เพราะฉันไม่ได้ส่งแกเรียน เพื่อให้แกมาเป็นคนว่างงาน

เมื่อหลังชนฝาซะแล้ว เขาจะทำอะไรได้ นอกจากยอมรับกับชะตากรรม
แล้วก็ลองดิ้นอีกสักเฮือกด้วยการไปสมัครเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี
ผลการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายส่งผลให้เขาได้งาน
แต่... โปรดิวเซอร์รายการทีวีกลับกลายเป็น เพื่อนสุขสันต์ ในรายการเด็กซะอย่างนั้น

ผู้ชายหน้าตาบึ้งๆ ปากคอเราะร้าย ความอดทนต่ำเป็นเลิศ แถมหาความสุขในชีวิตแทบไม่ได้ จะมาสร้างความสุขให้เด็กๆ ในรายการเพลงได้อย่างไร

ร้องเพลงด้วยหน้าตาบึ้งๆ เต้นไปแบบแกนๆ หงุดหงิดอะไรก็แสดงออกมันทางสีหน้าทันที เถียงมันทุกเรื่องที่เถียงได้
นั่นแหละคือสิ่งที่เคนตะคุงแสดงออก
เลิกสักที พอเหอะ กับหน้าที่เพื่อนสุขสันต์
นั่นแหละคือสิ่งที่เคนตะตุงคิด

แต่ในเมื่อเป็นคนที่ไม่มีทางเลือกทางที่สอง สาม ในชีวิต และไม่คิดจะไขว่คว้าอะไรเพิ่มเติม
สิ่งที่เขาจะทำได้คือ การอยู่กับสิ่งที่มีให้ได้ และแน่นอน.. ก็ต้องมีความสุขกับมัน

ทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด สนุกกับมัน
จากเพื่อนสุขสันต์ ได้ก้าวผ่านไปสู่พี่ชายแห่งเพลง
ชีวิตที่ไม่เคยรู้ว่าความสุขคืออะไร จะหาได้จากไหน
ในที่สุดเขาก็ให้คำตอบกับหัวใจตัวเองได้
สิ่งที่เขาทำในทุกวัน การได้ร้องเพลงกับเด็กๆ ทำหน้าที่พี่ชายแห่งเสียงเพลง
นั่นแหละคือความสุขในชีวิตเขา

ในชีวิตจริง ใช่ทุกคนจะไปถึงฝั่งฝัน หรือใช่ว่าเส้นทางชีวิตจะงดงามราบเรียบราวโปรยด้วยกลีบกุหลาบ
มีหลายคนที่ยอมกัดฟันดิ้นรนเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ตัวเอง 'ฝัน' เหนื่อยหน่อย ลำบากหน่อย แต่ผลของความพยายามคงจะให้ผลที่หอมหวาน
ขณะ ที่มีบางคนยินดีก็ที่จะถอนตัวออกจากเส้นทางความฝันนั้น ไปไม่ถึงก็ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ สิ่งที่เป็นอยู่แม้ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน แต่ใช่ว่าจะมีความสุขกับมันไมได้ซะหน่อย... จริงไหม

"ฉันแค่อยากจะทำในสิ่งที่ฉันทำได้โดยที่ไม่เกินความสามารถของฉัน ทำงานไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังสนุก" ยาโนะ เคนตะ เขาบอกไว้อย่างนั้น

ภาพประกอบ : kojaproductions.wordpress.com


Saturday 17 October 2009

แล้วคุณจะเลือกแบบไหน... : Kimi wa Petto VS Hotaru no Hikari

Rating:★★★★★
Category:Other
ระหว่างคนที่อยู่ด้วยแล้วหัวใจเต้นแรง กับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ สุดท้ายแล้วเราจะเลือกอยู่กับคนแบบไหน

และ

เราเป็นตัวเองแค่ไหนกับความรัก

เป็นสองคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากดูซีรีส์สัญชาติญี่ปุ่นสองเรื่องนี้จบ
Kima wa Petto และ Hotaru no Hikari

ตัวเอก ซึ่งก็หมายถึงนางเอกของสองเรื่องนี้ประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน
แม่สาวปลาแห้งอย่างโฮตารุ กับสุมิเระจังผู้แสนจะเปอร์เฟ็กต์
รายแรกเป็นสาวเบ๊อะๆ ตอนอยู่บ้าน เป็นออฟฟิศเลดี้ผู้แสนคล่องแคล่วในที่ทำงาน
รายหลังเลิศตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

สิ่งที่สองสาวประสบเหมือนกันคือ ปัญหาเรื่องความรัก

รายแรกหลงรักหนุ่มนักออกแบบรุ่นน้อง
รายหลังหลงรักรุ่นพี่สมัยเรียนที่ได้มาทำงานในบริษัทเดียวกัน
คนหนึ่งตกหลุมรักรุ่นน้อง อีกคนตกหลุมรักรุ่นพี่
แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือผู้ชายทั้งสองคนนี้ไม่มีใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ

working woman กลายมาเป็นสาวเพิ้งตอนอยู่บ้าน
กับสาวมาดมั่น แกร่ง กับเป็นสาวที่พร้อมจะระเบิดน้ำตาได้ทุกเมื่อเวลามีปัญหากดดัน แถมสูบบุหรี่เป็นปล่องไฟ

แต่คนที่ได้เห็นพฤติกรรม เห็นตัวตนแท้ๆ ของพวกเธอ กลับเป็นคนที่พวกเธอไม่ได้รู้สึกใดๆ มากกว่าไปกว่าคุณเจ้านาย และสัตว์เลี้ยง
อาการตื่นเต้น มือไม้สั่น ใจเต้นตึกตักตลอดเวลา ไม่เป็นตัวของตัวเอง คืออาการที่พวกเธอเป็นเวลาอยู่กับคนที่พวกเธอหลงรัก
และแน่นอน อาการที่ว่าไม่เคยเกิดเวลาที่อยู่กับบุโจ หรือโมโม่
บ้าบอ หัวเราะ ร้องไห้ แสดงอารมณ์ได้แบบไม่ต้องเสแสร้ง สูบบุหรี่อัดมันเต็มที่หลังจากอัดอั้นมาตลอดเวลาที่อยู่กับเขา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอแสดงออกได้เวลาที่อยู่กับเขา (แบบแอบซ่อน) ที่บ้าน

แน่นอน... ปากคอสั่น ใจเต้นตึกตัก แสดงออกด้วยท่าทางไม่เป้นตัวเอง เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่สาวเจ้ามักจะเป็นเวลาอยู่กับคนที่เธอรัก หรือหลงรัก
หัวเราะเสียงดังแบบนี้เขาจะรับได้ไหมนะ
ถ้าสูบบุหรี่ต่อหน้าเขา เขาจะรับได้ไหมนะ อืม ไม่ดีนะ ทนอีกหน่อย แอบไปสูบในห้องน้ำก็ได้
อ๊ะ คันหัวยิบๆ แต่เขาจับมือเราอยู่ ถ้าปล่อยมือเขาแล้วมาเกาหัว มันคงไม่ดีมั้ง เขาอาจจะคิดว่าเรารังเกียจเขา

ลำบากหน่อย ใจสั่นหน่อย เหนื่อยหน่อย ไม่เป็นไร ก็อยากให้เขาเห็นด้านดีๆ ของเรานี่นา
แต่เอ๊ะ... ไอ้พฤติกรรมที่ทำลงไป มันกลับไม่ใช่ตัวตนแท้จริงของเธอเลยนี่นา เธอทั้งสองคนก็อยากจะเป็นตัวของตัวเองแบบเวลาที่ได้อยู่ในบ้านสองคนกับโมโม่ กับบุโจ เหมือนกันนะ ฉันก็อยากให้เขาเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉันเหมือนกันนะ แต่... ถ้าเขารับไม่ได้ขึ้นมาล่ะ

สรุป คนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้ใจเต้นแรง กับคนที่อยู่แล้วเราสามารถเป็นตัวของตัวเอง จะลือกแบบไหนดีนะ...


พีเอสสึ มึนหน่อย มั่วหน่อย แต่จะลองกลับมาอีดิตเพิ่มถ้ายังมีสติ






Friday 9 October 2009

ตาหวานสไตล์เด็กหญิงจิราพรรณ




ผลจากการกลับบ้านคลอง (ชอบคำนี้จริง บ้านคลอง ประหนึ่งมีบ้านทรงไทยอยู่ริมคลอง) ได้ค้นพบพัฒนาการอย่างหนึ่งของหลานสาวคนกลาง
นั่นคือ... ตาหวาน

พอบอก น้องพลอย ทำตาหวานให้ดูหน่อย
หัวกดต่ำ...ตาเหลือกขึ้นสูง

เห็นแล้วฮากันทั้งบ้าน
เพราะคงไม่มีใครสอนให้มันทำตาหวานอย่างนี้แน่
ไม่รู้ไปเอามาจากไหน
(แอบคิดในใจว่ามันแอบไปเห็นรูปเด็กตาขวางของ Yoshitomo Nara รึเปล่า)

Saturday 18 July 2009

รับหน้าร้อน?!?




เห็นเบญจ์ขยันเอารูปหลานมาอวด
งานนี้เลยขอมั่ง หลานสาวสองคนกำลังป๋อมแป๋ม
น้องพลอย และ น้องจิงจิง

ภาพถ่ายทั้งหมดโดย พ่อน้องจิงจิง

Tuesday 9 June 2009

A Moment in June




ระยะหลังๆ หลงเด็กหนุ่มสัญชาติญี่ปุ่นมากไปหน่อย
เลยห่างๆ จากสองลุงสัญชาติไทย
ไปงานเสื้อยืดได้เจอะเจออีกครา
ทำให้รู้ว่า สองป๋ายังอยู่ในใจเราเสมอ (ฮิ้ว!)

พีเอสสึที่สอง ขอบคุณ manta สำหรับทุกรูปจ้ะ m(_ _)m

a (magic) moment in June จริงๆบบสดๆ

พีเอสสึ ได้ฟัง inchan tree เป็นครั้งที่สอง เพราะจริงๆ

Monday 25 May 2009

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรทำได้เหรอ : Ryuusei no Kizuna

Rating:★★★★★
Category:Other
"พอเป็นผู้ใหญ่ พวกเราจะตามล่าตัวฆาตกร
แล้วพวกเราสามคนจะฆ่ามันซะ"

นี่คือคำพูดที่หลุดออกจากปากเด็กชายวัย 12 ปี และที่สำคัญ ความคิดนี้ยังคงอยู่ในใจเขามาตลอดระยะเวลา 14 ปี

โคอิจิ ไทสึเกะ ชิซึเนะ สามพี่น้องแห่งตระกูลอะริอะเคะ ที่มีชีวิตเรียบง่ายตามประสาเด็ก กับกิจการข้าวฮายาชิ (ข้าวราดสตูเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติ ภายในบ้านอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงพวกเขาก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงในคืนคืนเดียว เพียงเพราะการกระทำสิ้นคิดของใครคนหนึ่ง

การกระทำสิ้นคิดที่ทำให้เด็กๆ สามคน กลายเป็นเด็กกำพร้า
การกระทำที่ส่งผลให้เด็กๆ ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ถึงแม้จะดูแลดีแค่ไหน แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่บ้าน
การกระทำสิ้นคิดที่ส่งผลให้เด็กสามคนก้าวไปสู่ผู้ใหญ่อย่างเจ็บปวด

"ไม่เป็นไรหรอกที่ครอบครัวเราจะหัวเราะได้น้อยลง
แล้วมันต่างจากคนธรรมดาตรงไหน
สิ่งที่แตกต่างก็แค่พ่อแม่พวกเราถูกฆ่าใช่ไหมล่ะ
แล้วอีกนานแค่ไหนที่เราจะหัวเราะได้น้อยลง
อีกนานแค่ไหนที่เราต้องถูกเรียกว่าครอบครัวที่สูญเสีย"


14 ปีที่ต้องอยู่ด้วยความเจ็บปวด
14 ปีที่ต้องอยู่กับคำว่า ครอบครัวผู้สูญเสีย
14 ปีที่พยายามสลัดภาพเหตุการณ์วันนั้นออกจากความทรงจำ
14 ปีที่ได้แต่ขอพรจากดาวตกให้จับตัวคนร้ายได้
14 ปีที่เต็มไปด้วยการรอคอย

จนก้าวขึ้นสู่ปีที่ 15 ปีที่คดีพ่อแม่พวกเขาถูกฆาตกรรมจะหมดอายุความ ในเมื่อเฝ้าเพียรขอจากดาวตกก็ไม่สมหวัง ในเมื่อพึ่งตำรวจก็ได้รีบเพียงความว่างเปล่า สิ่งที่พวกเขาทำได้คือ การตามหาตัวคนร้ายด้วยตัวเอง...

"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" เราคงได้ยินคำพูดนี้กันมาบ่อย แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งอย่างกรณีที่เกิดกับสามพี่น้องนี้ด้วยแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่รู้มาฆ่าพ่อแม่เรา มาพรากความสุขไปจากชีวิตเรา ดูมันไม่ใช่เรื่องที่จะจบด้วยการไม่จองเวรกันง่ายๆ
นึกไปถึงตอนที่มีข่าวผู้หญิงคนหนึ่งโดนคนร้าย (ที่เคยเป็นลูกน้องในบ้าน) ฆ่าตาย วันทำแผน น้องผู้ชายที่เป็นลูกชายยืนถือไม้หน้าสามจะตีฆาตกรคนนั้น สำหรับเราถือเป็นภาพที่สะเทือนใจภาพหนึ่ง และสีหน้าเจ็บปวดของน้องก้ยังติดตามาถึงทุกวันนี้

อย่างกรณีในเรื่องนี้ โคสึเกะพูดถึงสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาจะออกตามล่าฆาตกรด้วยตัวเองว่า พวกเขาจะทนได้หรือ ถ้าวันหนึ่งตำรวจจับตัวคนร้ายได้ พวกเขาจะทำได้แค่เพียงนั่งมองแผ่นหลังของคนที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเอง ทำได้เพียงนั่งฟังและยอมรับคำตัดสินของศาล...


สุดท้ายสามพี่น้องจะหาบทสรุปให้กับเรื่องนี้ยังไง ในเมื่อฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่เขามาอยู่ตรงหน้า ลองหามาดูกันนะคะ



Ryuusei ni Kizuna (2008)
โคอิจิ โดย นิโนะมิยะ คาซุนาริ (Yamada Taro, Dear Father)
ไทสึเกะ โดย นิชิคิโด เรียว (1 litre of tears, Attention Please)
ชิซึนะ โดย โทดะ เอริกะ (Hana Yori Dango 2)


พีเอสสึที่หนึ่ง
เพิ่งสร้างสถิติใหม่ให้ตัวเองไปสดๆ ร้อนๆ
กับการดูซีรีส์ 2 เรื่อง (10 ตอน กับ 11 ตอน) ในเวลา 3 วัน
(เที่ยงคืนวันศุกร์ ถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์)
สามวันที่ว่า ในภาคกลางวัน ยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ตามปกติ

พีเอสสึที่สอง
เรื่องนี้นิโนะมิยะซังมาวินมาก ทั้งหน้าตา (เรื่องนี้นิโนะดูดีมาก)
และฝีมือการแสดง

พีอสสึที่สาม
เป็นซีรีส์ที่ครบรสมาก
สุข เศร้า เพี้ยน อบอุ่น น้ำตานอง
แนะนำๆ



Friday 13 February 2009

ไม่ต้องฆ่า.. ก็ตาย

"ไม่เป็นไร ผมจะฆ่าเขา..."

 

 

"...ผมฆ่าอยู่ในใจ ผมฆ่าอยู่ในใจ
เพียงแต่ผมเลิกรักเขา แล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย"

 

จาก ต้นส้มแสนรัก โดย โจเซ่ วาสคอนเซลอส
แปลโดย มัทนี เกษกมล


อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกจากห้องสมุดที่ ม.อ.
จำได้ว่าตอนนั้นร้องไห้จะเป็นจะตาย ถึงขั้นหายใจไม่ออก
ผ่านมา 10 ปี มาอ่านอีกครั้ง
คราวนี้ไม่มีน้ำตา มีแต่ความสะท้อนใจ
โดยเฉพาะกับข้อความข้างต้น...

Sunday 4 January 2009

แล้วคุณจะหลงรักหน้าฝนอีกครั้ง : Ima Ai Ni Yakimasu

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama
ถ้า Be With You เป็นหนังที่จะทำให้คุณหลงรักหน้าฝน
(คำโปรยของหนังเขาว่าไว้)

ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็จะทำให้คุณหลงรักหน้าฝนอีกครั้ง
เพราะซีรีส์ที่ว่านี้ คือ Ima Ai Ni Yakimasu
หรือ Be With You ในเวอร์ชั่นซีรีส์นั่นเอง

สำหรับเรา... เวอร์ชั่นซีรีส์ให้ความอิ่มเอมได้พอๆ กับเวอร์ชั่นหนัง
แถมดูเหมือนว่า น้ำตาจะไหลเป็นจริงเป็นจังกว่าซะด้วยซ้ำ
เวอร์ชั่นซีรีส์นี้ได้ นาริมิยะ ฮิโรกิ มารับบท ทาคุมิ
จะว่าไปหน้าตาแหล่มกว่าเวอร์ชั่นหนังเยอะ
(เคยแอบปลื้มตาคนนี้เมื่อคราวดู orange day ตอนท้ายเรื่อง)
ส่วนนางเอก แม้หน้าตาจะน่าเอ็นดูไม่เท่า ยูโกะ ทาเคอุจิ ในเวอร์ชั่นหนัง
แต่ทุกครั้งที่มิโอะ เวอร์ชั่นซีรีส์ ยิ้ม โลกก็พลันสดใสขึ้นเยอะเหมือนกัน
ประมาณว่า ดูแล้วเข้าใจเลยว่า ทำไมทัคคุงถึงได้รักมิโอะซะขนาดนี้


โอ้ว... แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรต่อไป
เอาเป็นว่า หามาดูเหอะ
(แต่เอาเป็นว่า ระหว่างนี้ คิดไรออก จะมาเขียนเพิ่ม)