Monday 15 December 2008

เก็บตังค์ไปญี่ปุ่นกันเถอะสาวๆ!!!

พอดีได้ฟอร์เวิร์ดเมลมาจากเพื่อน
เลยเอามาแบ่งปัน เพื่อสร้าง inspiration ให้สาวๆ ทั้งหลาย

วิ้ดวิ้วววววววว.......

 

นนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นจะเป็นแหล่งรวบรวมชายหนุ่มหล่อเท่ห์ งานแต่ละวันของพวกเขามีเพียงแค่คุยกับผู้หญิง และให้บริการเรื่องเซ็กซ์แก่หญิงสาว

รูปชายหนุ่มขายบริการที่เป็นที่นิยมจะได้ขึ้นบอร์ดใหญ่ การแข่งขันในวงการนี้ดุเดือดเลือดพล่าน การจัดอันดับจึ่งมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับหญิงสาวว่าพอใจในระดับไหน

ธรรมดาชายญี่ปุ่นจะไม่ค่อยถือเรื่องถือราวกับภรรยาที่จะไปสถานบริการของผู้หญิง(ผับ) ดังนั้น ชายขายบริการจึงไม่ต้องกังวลกับสามีของฝ่ายหญิงที่จะมาหาเรื่อง อีกอย่างพวกยากูซ่าที่เป็นเจ้าของสถานบริการก็คงไม่มีใครที่อยากจะมามีเรื่อง

กับวัฒนธรรมชาวจีนที่คิดว่าการเกาะผู้หญิงกินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่ชายชาวญี่ปุ่นคิดว่า ชายขายบริการก็เป็นอาชีพหนึ่ง ลูกค้าผู้หญิงพอใจก็จะถือว่าประสบความสำเร็จต่อชีวิตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพต่ออาชีพนี้เป็นอย่างมาก ในหนึ่งเดือนรายได้จากการให้บริการประมาณ 40,000 US ถ้าทำได้ดีกว่าน้ก็จะได้ยิ่งเยอะ

(เบอร์ 4 นี่ หน้าตาละม้ายคล้ายโมโค่เลยแฮะ)

มีสถิติตัวเลขที่รวบรวมได้ เซ็กซ์ของหญิงหลังจากแต่งงาน 80% ส่วนใหญ่จะไปมีเซ้กซ์กับชายอื่น ประสบการณ์การมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน ไม่ว่าจะตั้งแต่ประถม มัธยมต้น ปลาย ถึงมหาลัยจะสูงกว่าผู้ชายที่มีอายุคราวเดียวกัน. ตอนนี้หญิงชาวญี่ปุ่นจะไม่นิยมแต่งงาน  แต่กลับจะไประบายในทางนี้มากยิ่งขึ้น
สาวออฟฟิตที่ลำบากตรากตำทำงาน ยินยอมที่จะอยู่ซื้อบริการจากชายหนุ่มหล่อ ยิ่งไปกว่านั้นบางคนก็แต่งงานมีลูกแล้ว กับงานบ้านที่ไม่ค่อยจะมี จึงใช้เงินจากสามีมาใช้บริการกับชายหนุ่มเหล่านี้



ชายหนุ่มบางคนก็ไม่ได้ต้องการเงินจากผู้หญิงเสมอไป มีบางเวลาที่ชายขายบริการจากโตเกียวจะเป้นฝ่ายให้บริการกับหญิงสาววัยรุ่น โดยยอมที่จะได้เงินน้อยหรือไม่ต้องการเงินเลยเพื่อที่จะสนองความต้องการให้ตัวเอง

เอาล่ะ ลำดับต่อมา เรามาดูอันดับของชายหนุ่มที่ได้รับความนิยม
ลำดับที่ 1 : Shougo Kanzaki

(เข้มดีน้อ!!)

ลำดับที่ 2
Minami Aikawa
ACQUA GROUP

(น่าเอ็นดูจริงๆ พ่อหนุ่ม เอ้า.. มีอีกรูป)

ลำดับที่ 3
Suzuka

อันดับ 4
Joe

 

อันดับ 5
Haruka

ลำดับที่ 6
Reo takizawa

 

ชายขายบริการจะต้องดูวัยรุ่นและหล่อ ชายที่ดูมีอายุจะไม่มีความสำคัญกับวงการนี้ ความฝันของชายขายบริการก็คือ หนึ่ง ฝันที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเอง
สอง ใช้โอกาสที่ยังดุหนุ่มและหล่อรีบหาหญิงสาวที่มีเงินค่อยส่งเสียเลี้ยงดู แต่งงานก็เป็นความฝันที่หวังไว้ว่าจะเป็นจริง
กล่าวกันว่า มหญิงบางคนเสียเงินไปกับการซื้อบริการจากชายหนุ่มที่มีอายุ 27 ปี เป็นเงินถึง 70,000,000 เยน
ชายหนุ่มที่มีอายุเพียง
25 ปียอมรับว่าเรียนหนังสือไม่เก่ง ได้เข้ามาทำงานในคลับที่ชื่อว่า คลับเลิฟ ในโรงแรมชื่อดังได้เกือบหนึ่งปี ช่วงระยะเวลานี้ได้เป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในผับ เขากล่าวว่า "เมื่อเดือนที่แล้วรายได้ที่เขาได้รับ เท่ากับเงินเดือนที่เขาทำงานมาตลอด 3 ปี เพียงแค่ลูกค้ายินยอมที่จะเสียเงิน ผมยอมที่จะทำทุกสิ่งอย่างให้กับพวกเขา"


เมื่อเร็ว ๆนี้ นิตยสารเลดี้ ได้เชิญชายขายบริการ
4 คนมาให้สัมภาษณ์ กับลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นประจำ
จากที่ได้รับฟังมา ลูกค้าที่เดินเข้ามาใช้บริการจะเรียกชายหนุ่มมาให้บริการคราวละ
6 คน บางครั้งก็เรียกถึง 10 คนซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นราชินี ดาราสาวชื่อดัง MEGUMI เมื่อปีก่อนก็ได้มากับหัวหน้าสังกัดและได้รู้จักกับร้านบริการแห่งนี้ ตั้งแต่นั้นเธอก็ชอบที่จะมาเพียงคนเดียวเพื่อหาชายหนุ่มพุดคุยกับเรื่องความรัก. ทางด้านดาราชาย ฮิเดโยชิ ทาเคชิโร่ และเพื่อน ก็เคยเข้ามาสถานบริการแห่งนี้ เพียงแต่ทั้งสองคนนี้เข้ามาสัผัสกับความแปลกใหม่เท่านั้น  

นักข่าว : ทำไมถึงมาทำอาชีพนี้ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ติดเงิน

ประมาณเท่าไร
- จำนวนมาก ไม่มีปัญญาที่จะหามาใช่และมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

ทำงานอาชีพนี้ จะต้องมีส่วนกับการให้บริการทางเพศด้วยเปล่า?
-
เมื่อตอนที่เข้ามาในวงการใหม่ ๆ  ทำเยอะมาก ตอนนั้นไม่มีเงิน เพราะฉะนั้นจึงต้องยอมที่จะทำด้วย

ทำครั้งหนึ่งได้ประมาณเท่าไร
?
- แสนหนึ่ง สองแสน สามแสน(เยน)ก็เคยได้


รู้สึกเป็นอย่างไร
?
-ไม่ค่อยจะดี ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กัน แต่ไม่อยากจะจ่ายเงิน

ตอนนี้หละ
?
- ตอนนี้ถ้าไม่อยากจะทำ ก็บอกกับลูกค้าได้แค่จูบ เมื่อก่อนไม่สามารถพูดได้เพราะติดเงิน


มีครอบครัวหรือเปล่า
?
 -มีลูกสาวอยู่หนึ่งคน

ลูกโตขึ้นมาจะบอกไหมว่าพ่อทำอาชีพอะไร
ถ้าตนเองได้เป็นเจ้าของร้านก็จะบอก ตอนนี้ยังทำอยู่ ไม่อยากให้ลูกรู้

แล้วความฝันของคุณหละ?
เก็บเงินได้สักห้าสิบล้านเยน จะเปิดเป็นร้านของตัวเอง

ลูกค้าจะเป็นกลุ่มไหน

ร้อยละ ห้าสิบจะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ร้อยละสี่สิบเป็นพนักงานบริษัท และก็จะมีสาวบริการบ้าง

ะต้องดูแลตัวเองอยู่ตลอดเวลาหรือไหม
เกือบจะทุกวันจะต้องไปร้านทำผม ทรงผมต้องเปลี่ยนอยู่บ่อย ๆ รูปลักษณ์ก็สำคัญ จะต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราไม่เหมือนใคร หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุย จะต้องรู้จักนิสัยของลุกค้า

การพูดคุยจะต้องพึ่งระวังอะไร
?
สมมุติไปดูหนังกับลูกค้า มีราวบันไดอยู่ข้างเดียว จะต้องทำให้ลูกค้าปล่อยมือจากราวบันได้ มือของเราจะต้องวางและคอยประคองลูกค้าไว้ ลูกค้ามองไปที่ขวดเหล้า ก็จะต้องรีบรินเหล้า มองไปที่ซองบุหรี่ ก็จ้องต้องต่อไฟให้ลูกค้าสูบ โดยรวมจะต้องคอยระมัดระวังอยู่ทุกนาที

รายรับโดยเฉลี่ยต่อเดือน
?
โดยเฉลี่ย 300,000 เยน  ทั้งหมดก็จะต้องดูความสามารถของแต่ละคน ลูกค้าชอบ หนึ่งเดือนหนึ่งล้านเยนขึ้นไปก็ไม่ใช่ปัญหา

ลูกค้ายอมที่จะจ่ายให้ไปทั้งหมดเท่าไร?
ลูกค้าหญิง เจ็ดสิบล้านได้

จะต้องไปหาลูกค้าเองบ้างมั้ย?
 ต้อง ยืนอยู่ตามถนน เห็นหญิงสาวที่ไม่ได้เดินมากับผู้ชาย มองดูลักษณะการแต่งตัว หลังจากนั้นก็จะเข้าไปพูดคุย ถ้าลูกค้าไม่สนใจ ก็จะขอตัวจากไป ถ้าลูกค้าทนความรำคาญไม่ได้ ก็จะไม่พูดต่อ มีบางครั้งก็จะต้องยืนแจกใบปลิว ยืนครั้งหนึ่งก็ตกประมาณ 3 ชั่วโมง สิ่งที่กลุ่มชายขายบริการชอบก็คือ เวลาที่พวกชายขายบริการของโตเกียวและโอซาก้าที่มีเงิน ผู้หญิงจากสองที่แห่งนี้ชอบชายหนุ่มที่ตัวเองชอบ พร้อมที่จะจ่ายเงินดังสายน้ำ ให้รถเฟอร์รารี่ขับซิ่งไปในโตเกียว

 

 

มาเถอะสาวๆ เรามาเก็บตังค์ไปญี่ปุ่นกันดีกว่า หนุ่มๆ ข้างล่างรอพวกเราอยู่!!

เอิ๊ก

 

ป.ล. อ่านจากการ์ตูนญี่ปุ่นมานมนาน โฮสต์ในการ์ตูน กับของจริง หน่าตาไม่ต่างกันเลยแฮะ

   

Thursday 4 December 2008

หุ่นกระป๋องก็มีหัวใจ : Absolute Boyfriend

Rating:★★★★★
Category:Other
แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะไม่สั่งซีรีส์เรื่องนี้มาดู เพราะงบเอนเตอร์เทนสำหรับเดือนนี้หมดไปกับซีรีส์โขอยู่
แต่ตบะดันมาแตก อดใจไม่ไหว เพราะภาพโปสเตอร์

ปู้ชายผิวสีแทนเปลือยอก!!! วิ้ดวิ้ว!!!
(ส่อแววความหื่นมาก หัสยา ^0^)


นอกเรื่องไปนิด วกกลับมา...

ริโกะจับพลัดจับผลูตกลงเซ็นสัญญารับหุ่น (ล่ำ) แฟนในอุดมคติมาทดลองใช้
หน้าตาดี เอาใจเก่ง ขี้หึงนิดหน่อย ทำกับข้าวได้ งานบ้านเป็น ฯลฯ คือคุณสมบัติที่เธอระบุสำหรับแฟนในอุดมคติของเธอ

และหุ่นยนต์ หรือที่เธอมักเรียกว่า หุ่นกระป๋อง ก็ถูกโปรแกรมคุณสมบัตินั้นไว้ครบถ้วนทุกประการ
ถึงแม้ว่าหลายครั้งหลายหนการแสดงออกมักเป็นไปในทางล้นๆ มากไปหน่อยก็เหอะ

แรกเริ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าหุ่นตัวนี้แสดงออกเป็นไปเพราะโปรแกรม, และริโกะก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอดเวลา
แต่ทำไปทำมา วันหนึ่งเจ้าหุ่นกระป๋องก็เกิดการพัฒนาตัวเอง ทำอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างเกินกว่าโปรแกรมที่ถูกบันทึกไว้
ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้ริโกะทำตามความฝัน ความพยายามที่จะทำให้ริโกะกับพ่อคืนดีกัน การอยู่เคียงข้างริโกะตลอดเวลา การพยายามที่จะมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับเธอ ฯลฯ

ใช่, หุ่นตัวนี้ไม่มีหัวใจ แต่ทุกอย่างที่เขาทำไป เป็นไปเพราะความรู้สึก
“การได้เห็นรอยยิ้มของริโกะ ทำให้ผมมีความสุข”
“ความสุขของริโกะ ก็คือความสุขของผม”
“การได้รักริโกะ ทำให้ผมมีความสุข”
ล้วนเป็นคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึก ไม่ใช่โปรแกรมที่ถูกบันทึก

และการที่มีหุ่นตัวนี้เคียงข้างตลอดเวลา ไม่ว่ายาม ทุกข์ สุข หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่เธอหลงรักใครอีกคน
ทำให้ริโกะเริ่มซึมซับสิ่งเหล่านั้น จนในที่สุด... มันกลายเป็น ‘ความรัก’
และรักก็เอาชนะทุกสิ่ง
ยอมทิ้งความฝันเพื่อความสุข มองข้ามว่าเขาเป็นแค่หุ่นยนต์...


ตึ่ง... ตึง แล้วจะเป็นอย่างไร
หุ่นยนต์กับคนจะรักกันได้ไหม
เอ๊ะ... ยังไง
ไปติดตามดูกันเอาเองนะคะ



<< เอาไปเลยห้าดาวสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ ได้ครบทุกรสชาติ
<< naitokun, arigatoa na ดูจบแล้วอยากบอกอย่างนี้เหมือนกัน
<< ซีรีส์จบ พร้อมทิชชู่เปียกๆ ห้าก้อน





Thursday 13 November 2008

ก็ฉันเป็นฉัน : hotaru no hikari

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Romantic Comedy
เธอจะรับได้ไหม...
ถ้าฉันคนที่เธอเห็นที่ทำงาน กับฉันที่อยู่ที่บ้าน แทบจะเป็นคนละคนกัน
ฉันที่มีความสุขกับการรีบกลับบ้าน
ฉันที่ความสุขกับการนอนกลิ้งอยู่บ้านมากกว่าการออกไปข้างนอก
ฉันที่ชอบนั่งกินเบียร์ริมระเบียง
ฉันกับทรงผมซามูไร
ฉันที่ชอบเผลอหลับตรงระเบียงใต้กองหนังสือพิมพ์
ฉันที่ชอบใส่ชุดอยู่บ้าน – เสื้อยืดย้วยๆ เลอะคราบซอส กางเกงวอร์มเก่าๆ ขาดๆ
ฉันที่ชอบกลิ้งไปมากับพื้นเพื่อเป็นการระบายความเครียด
ฉันที่ชอบนอนเกาก้นไป คุยโทรศัพท์ไป
ฉันที่มีความสุขกับการนอนเอื้อมมือไปแล้วเจอกับข้าวของที่วางระเกะระกะรอบตัว

ฉันเป็นของฉันแบบนี้ เธอจะรับได้ไหม?


hotaru no hikari เรื่องราวของสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเยี่ยงข้างต้นที่กล่าวมา นอกจากนี้เธอยังจัดอยู่ในกลุ่มที่คนญี่ปุ่นเรียกขานกันว่า ‘สาวปลาแห้ง’ – ไร้แฟน เลิกงานปุ๊บ ตรงดิ่งกลับบ้าน มัดผมทรงซามูไร มือหนึ่งถือกระป๋องเบียร์ อีกข้างถือขนม ชอบกอดหมอนเพราะไร้แฟนให้กอด ชอบพูดคนเดียว ฯลฯ (เอ๊ะ... เข้าข่ายหลายข้อเหมือนกันนิเรา)

จนวันหนึ่งจับพลัดจับผลูให้ต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเจ้านาย
ผู้จัดการผู้เงียบขรึม เอาการเอางาน กับ สาวออฟฟิศผู้คล่องแคล่ว คือภาพที่ต่างฝ่ายต่างเห็นกันและกันในที่ทำงาน
กลับกลายเป็นชายหนุ่มขี้โวยวาย กับสาวปลาแห้งผู้ซกมก
แต่นั่นแหละ... เขากับเธอก็กลับเติมเต็มซึ่งกันและกัน

เขาให้คำปรึกษาในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาให้กับเธอ
เขาสอนให้เธอรู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เขามีไหล่ มีต้นแขน ให้เธอไว้ใช้พักพิง และซับน้ำตา

เธอที่มีปัญหามาให้เขาช่วยแก้ไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ในปัญหาเหล่านั้นก็ทำให้เขาได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
ท่าทางเพี้ยนๆ เสียงหัวเราะ อาการดีใจเกินหน้าเกินตาของเธอ ก็ทำให้เขามีรอยยิ้มแต้มใบหน้าได้เช่นกัน

จนวันหนึ่งสาวเจ้าเกิดประสบพบรักกับหนุ่มร่วมออฟฟิศ
ในความรักนั้นมีรอยกังวล
เขาจะรับได้ไหมน้าถ้ารู้ความจริงว่าตัวตนแท้จริงของเธอเป็นเยี่ยงไร
เขาคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่ฉันอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้จัดการ
...

ท้ายที่สุดเธอกับเขาก็ได้เคียงคู่กัน
หัวใจของสาวปลาแห้งถูกเติมเต็ม

แต่ก็นะ... ในเมื่อเรื่องราวถูกกำหนดให้พระเอกของเรื่องเป็นผู้จัดการหนุ่ม ไม่ใช่นักออกแบบคนนั้น
เรื่องราวเลยต้องดำเนินต่อไป
แต่จะไปต่อยังไง... ติดตามชมกันเอาเอง
(จบมันดื้อๆ งี้แหละ)

แต่เอาเป็นว่า... hotaru no hikari ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความอิ่มเอมได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง
อีกอย่างพระเอกของเรื่องพลิกบทบาทได้น่าทึ่ง จากคุณหมอมิตซูโนะผู้แสนเงียบขรึม จากคุณช่างภาพมาดเท่ มาเป็นคุณผู้จัดการเพี้ยนนิดๆ ได้ดีเชียว






Monday 22 September 2008

สิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า 'ชีวิต' ภาค 2




สมาชิกใหม่ของครอบครัว ถึงวันนี้อายุได้สองเดือนแล้วค่ะ ชื่อว่า 'น้องจิงจิง'
ตั้งชื่อตามหนึ่งในตัว mascot โอลิมปิกที่ผ่านมา เพราะเกิดในช่วงใกล้โอลิมปิก
พ่อแม่เห่อประสาลูกสาวคนแรก ถ่ายรูปเก็บไว้เท่าที่มีโอกาส
คนเป็นพ่อยัดเยียดรูปใส่มาให้ซะเกือบเต็มความจุ flash drive
ประมาณว่า ช่วยเอาลูกสาวเฮียไปโปรโมตให้หน่อย

Thursday 4 September 2008

ดู่... ดู๊... ดู ดูเธอทำ

เราเจอกันหน้าโลตัส บางกะปิ เรากับเพื่อนในฐานะผู้โดยสาร และแน่นอน.. เขาในฐานะคนขับแท็กซี่

แวบแรกที่เห็น ไม่นึกว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ นี่มัน ธีรยุทธ บุญมี ชัดๆ

ผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ กับเสื้อกั๊ก กับบุคลิกที่ดูดีกว่าแท็กซี่ที่เคยเจอมา

ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง หูก็ได้ยินเสียงการรายงานสดสถานการณ์ประท้วงหน้าทำเนียบของเหล่าพันธมิตร

จับใจความได้ประมาณว่า... วันนี้นักศีกษารามฯ ที่เดินเท้ากันไปประท้วงที่บ้านท่านนายกฯ โดนมือมืดยิง คนเลยไปประท้วงกันที่ สน.ลาดพร้าว ให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษ

 

เฮ้ย อย่างนี้ไม่ได้แล้วพี่แกเอ่ยขึ้น ขณะที่เสียงวิทยุในรถยังดังอยู่

ปิดนะ ฟังแล้วมันบาดหัวใจชักแหม่งๆ

เดี๋ยวผมขอวนรถไปดูตรง สน.ลาดพร้าว หน่อยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมขึ้นสะพานให้ประโยคข้างต้นเป็นเหมือนแค่ประโยคบอกเล่า ไม่ต้องฟังคำตอบใดๆ แกก็เลี้ยวรถไปที่หมาย

ดู่... ดู๊... ดู ดูเธอทำ

 

หน้า สน. ลาดพร้าว รถมากมาย

ตำรวจยืนคุมถานการณ์มากมาย

หน่วยกู้ภัยยืนโบกรถมากมาย

และคนมากมาย.... (ทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไทยมุง)

 

ครืด... แป๊กๆๆๆๆ

เสียงแรก เสียงไขกระจกรถ

เสียงที่สอง เสียงอุกรณ์ทำให่เกิดเสียง เป็นรูปมือสีชมพู-น้ำเงิน พบเห็นได้ในการชุมนุมของพันธมิตร

ภาพที่เห็น เป็นภาพพี่โชเฟอร์เอามือที่ว่านั้นโบกไปโบกมานอกรถในระหว่างทางที่ผ่านหน้าโรงพัก

ดู่... ดู๊... ดู ดูเธอทำ

 

เนี่ย โบกอย่างนี้พันธมิตรเขารู้กัน เราพวกเดียวกัน

วันที่พันธมิตรบุก บชน. ผมก็อยู่นะ บลาๆๆๆๆๆพี่แกพูดไม่มีหยุด แรกๆ ก็พอเออออไปด้วย เพราะนานๆ ทีจะเจอะแท็กซี่ที่ไม่เป็นพวกทักษิณ แต่ดูท่าพี่แกยังไม่หยุดง่ายๆ เลยเอาลูกนิ่งเข้าสู้ พี่เลยเปลี่ยน topic

 

พอเริ่มเปลี่ยนประเด็น ก็เริ่มเห็นเขม่าติดที่หูพี่แก เพื่อนเราที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มเงียบลงๆ

จนสุดท้ายทีเด็ด... ควักมือถือขึ้นมายื่นให้เพื่อนเรา

กดเบอร์โทร.ให้หน่อย เลขตั้งสิบหลัก ผมจำไม่ไหว เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้

ดู่... ดู๊... ดู ดูเธอทำ

 

ล่าสุด... มือถือเพื่อนเราดังขึ้นมา เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ 02 เห็นแต่เบอร์ก็พอรู้ว่าปลายสายคือใคร

ดู่... ดู๊... ดู ดูเธอทำ


 

 

Monday 28 July 2008

To the one I love : ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เรารัก

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama
น้องชายที่แอบไปพบชายคนรักของพี่สาว เพื่อขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับพี่สาวของเขา เมื่อรู้ว่าชายคนนั้นมีโอกาสตาบอด คงมีน้องคนไหนที่จะทนเห็นพี่สาวคนเดียวของเขา เอาชีวิตไปผูกกับผู้ชายที่ดูจะไร้อนาคตแบบนี้
“ผมไม่อยากให้พี่ ไม่อยากให้พ่อต้องเสียใจ”
และน้องชายคนเดียวกันนี้ ที่ออกโรงปกป้องพี่สาว เมื่อคนเป็นพ่อไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ของคนเป็นลูก
ที่เด็กหนุ่มทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เขารัก

พ่อที่ยอมละแล้วซึ่งศักดิ์ศรี คุกเข่าต่อหน้าชายคนรักของลูกที่เพิ่งเลิกรากันไป คำร้องวอนขอคำแล้วคำเล่า การโค้งคำนับครั้งแล้วคำเล่า สมุดเงินฝากกับเงินที่เพียรเก็บมาทั้งชีวิต แลกกับการที่ให้คนหนุ่มคนนั้นหวนกลับมาเคียงคู่กับลูกสาวอีกครั้ง
ที่ชายชราทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เขารัก

แม่ที่แทบไม่เคยไม่ไหนไกลเกินกว่าจังหวัดบ้านเกิดตัวเอง ยอมเดินทางไกลข้ามจังหวัด ด้วยความหวังเล็กๆ ที่ยังเรืองรอง
“ใช้ตาฉันเปลี่ยนให้เขาได้ไหมคะ” คำถามสั้นๆ ที่มีต่อหมอเจ้าของไข้ลูกชาย ถึงแม้จะพอรู้คำตอบดีแก่ใจ แต่มันคงเป็นวิธีการเดียวที่เธอจะทำเพื่อลูกชายของเธอ
ที่หญิงชราทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เขารัก

หญิงสาวที่ยอมหันเหเส้นทางที่เธอเลือกเดิน ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งรู้ใจตัวเองว่า ชีวิตเธอต้องการจะทำอะไร แต่หากเส้นทางที่เธอใฝ่ฝันนั้น ทำให้เธอไม่สามารถเดินเคียงคู่ไปกับชายคนรักได้ เธอก็ยินดีที่จะเบนเข็มออกจากเส้นทางนั้น
ที่หญิงสาวทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เธอรัก

เด็กน้อยที่เลือกเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจ ไม่บอกมันออกไปให้เด็กสาวร่วมโรงพยาบาลรับรู้ ทั้งๆ ที่เด็กสาวคนนั้นก็ดูมีทีท่าตอบรับ
“ผมบอกเขาไม่ได้หรอกฮะ เพราะถ้าผมบอกไป แล้ววันหนึ่งผมไม่อยู่ เขาจะเป็นไง”
สุดท้ายเด็กชายเลือกที่จะให้ความรู้สึกนี้ตายไปพร้อมตัวเอง
ที่เด็กชายทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เขารัก

การบอกเลิก การเลือกที่จะเดินจากมา เป็นวิธีที่ชายหนุ่มเลือกที่จะเป็นบทสรุปกับความรักของตน
ไร้อาชีพ ตากำลังจะมองไม่เห็น คือสภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา แล้วด้วยสภาพอย่างนี้น่ะเหรอ ที่จะให้เขารับหญิงสาวที่เขารักมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
“ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่รักไม่ได้ต่างหาก”
ถ้าความรักของเขาจะเป็นอ้อมแขนที่มีหนามแหลม ที่จะบีบรัด เกี่ยวแทงให้หญิงคนรักต้องเจ็บปวด เขาเลือกที่จะคลายอ้อมแขนนั้น ปล่อยมือจากเธอเสียดีกว่า
และที่ชายหนุ่มทำไปทั้งหมด... ก็แค่การทำเพื่อใครสักคนที่เขารัก


Thursday 17 July 2008

แอบอู้.. ไปถ่ายรูป


ทีมงานบูธ ฅ.คน รู้สึกรูปเซ็ตนี้ล่ะมั้งที่รวมตัวได้เกือบครบสุด

ภาพจากงาน 6 ปี ทีวีบูรพา หามุมดูดีไม่ค่อยได้ เลยขอเอาฮาเข้าว่า

Thursday 3 July 2008

ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า...

กดตังค์มาสามพัน
รู้ตัวอีกที...
เหลือแค่เศษที่เหลือจากการซื้อกระดาษ
แบงก์พันสองใบที่เหลือ
หาย...
หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า
ทำใจ...

 

แม่โทร.มาหา
บอก หมอให้ควักตาข้างนึงของทาโร่ออก
กันการติดเชื้อในกระแสเลือด
แน่นอน...
ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า

ทำใจ

ทำใจ

ทำใจ

และ

เสียใจ

เสียใจ

เสียใจ

Tuesday 1 July 2008

ยังตลกได้อีก : my boss, my hero

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Comedy
ฮา
ฮา
ฮา
คือคำจำกัดความของซีรีส์เรื่องนี้
และแน่นอน... ซีรีส์ญี่ปุ่นไม่ว่าจะอารมณ์ มักแฝงข้อคิด
หรือพูดง่ายๆ ว่า มีสาระด้วยนั่นเอง

ชายหนุ่มวัย 27 จากตระกูลยากูซ่า

ภาคกลางคืนเป็นเจ้าพ่อมาดเท่ เดินตรวจตราร้านในสังกัด
พร้อมลูกน้องอีกหนึ่งโขยงใหญ่

ภาคกลางวัน
เป็นเด็กนักเรียน ม.ปลาย วัย 17
ที่หน้าแก่ ตัวยักษ์ ล้ำหน้าเพือนร่วมชั้น

สมองไม่ดี
บวกลบเลขไม่เก่ง
เขียนชื่อตัวเองไม่ถูก
ดีเด่นเรื่องการต่อยตี
ใสซื่อกับเรื่องความรัก
ไม่รักที่จะเรียนรู้
เรียกได้ว่าเป็นคำจำกัดความของยากูช่าคนนี้

และแน่นอน... ด้วยลักษณะพิเศษเยี่ยงนี้
การมาใช้ชีวิตนักเรียน ม.ปลาย ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นอีก 24 ชีวิต จึงไม่ได้ง่าย

ชีวิตที่มีแต่ลูกน้องรุมล้อม
ไม่มีมิตรแท้ในวงการเจ้าพ่อ
ได้มาเรียนรู้ที่จะรับมิตรภาพจากเพื่อนแท้

ชีวิตที่จะเพียงกระดิกนิ้ว
ก็มีสาวๆ วิ่งเข้าหา
แต่กลับมาใจเต้นตึกๆ กับเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ชีวิตที่อะไรที่ยากเกินจะทำ จะเรียนรู้
ก็แค่วิ่งหนี ปล่อยมือจากมัน ก็จบ
ต้องมาสู้ฟัดกับมันสักตั้ง... และแน่นอน สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง
แต่ผลของมัน... หวานชื่นเสมอ

โอ๊ะ... ว่าแล้วก็ไปดูต่อให้จบดีกว่า

ปัจฉิมลิขิตที่หนึ่ง แม่น้องสาวหน้าแฉล้มแห่ง KOIZORA ก็แสดงเรื่องนี้ด้วยนะ
ปัจฉิมลิขิตที่สอง เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นเกาหลีด้วย แต่เป็นหนังใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าชาติไหนผลิตขึ้นมาก่อน จำรายละเอียดเวอร์ชั่นเกาหลีมิค่อยได้ แต่แน่นอน.. เอะอะอะไรก็ตบหัวๆ ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง (จนเหมือนเป็นเรื่องในหนังเกาหลีตลกๆ ทั่วไป) มีให้เห็นในเวอร์ชั่เกาหลี
ปัจฉิมลิขิตที่สาม กับการแสดงของ โทโมยะ นางาเสะ บอกได้แค่ว่า... แหม... ทำไปได้ และซากุระอะไรสักอย่าง หน้าหวานเกินชายมาก

Saturday 7 June 2008

ยังอยากรู้ : Muey Scrubb Feat. scrubbies




ยังอยากรู้ เวอร์ชั่นพี่เมื่อย
จากงานมีตติ้งของบอร์ดสครับบ์แบนด์
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2551 / Overtone RCA

scrubbband and i




เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆๆๆๆ เดือน ที่ได้ดูวงนี้เล่นสดแบบเต็มวง
เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆๆๆๆ เดือน ที่ได้ใกล้ชิดขนาดนี้
เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆๆๆๆ เดือน ที่ได้มีความสุขแบบเต็มที่กับเพลงของสครับบ์

Saturday 24 May 2008

ทาโร่... หมาลำโพง




บางคนเรียกมันว่าเพื่อน
บางคนสถาปนาใหเป็นลูก
ขณะที่บางคนรักมันเหมือนพี่น้อง

สำหรับ... ทาโร่เป็นเหมือนลูกชายค่ะ

ทาโร่มาอยู่กับเราเมื่อมิถุนายน ปี 2547
ตอนนั้นตัวกระเปี๊ยกเดียว มีวี่แววว่าจะไม่รอด
เพราะตอนนั้นท้องเสียอยู่หลายวัน
ด้วยความอึด ทาโร่ก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

ช่วงที่พ่อเสีย ก็ได้ทาโร่นี่แหละอยู่เป็นเพื่อนแม่ (คุณยายของทาโร่)
สร้างความปวดหัวให้แม่บ้าง สร้างความอุ่นใจให้แม่ในวันที่ฝนตก ไฟดับ ว่าอย่างน้อยแม่ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกตัวนึงอยู่ข้าง

เกิดวิกฤตกับชีวิตทาโร่อีกหน
จู่ๆ ตาข้างขวาก็อักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตาปิด ตัวร้อน เล่นเอาต้องเช็ดตัวให้ตลอดคืน
แล้วทาโร่ก็ผ่านวิกฤตมาได้อีกหน
พร้อมกับได้เม็ดนูนๆ ขึ้นมาที่กระจกตา

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
คนกับหมาคงรู้สึกไม่ต่างกัน
ทาโร่ต้องย้ายตามยาย (แม่เรา) ไปพนมสารคาม
หมาที่เคยนอนหนุนหมอนใบเดียวกันกับเรา นอนแย่งผ้าห่มเราบ้าง แม่บ้าง ในวันที่อากาศเย็น
โดนอัปเปหิให้นอนนอกบ้าน
กลับมาบ้านคลอง 11 ก็ได้แต่นั่งมองจากประตู ส่งเสียงหงิงๆ
บ้านเป็นที่ที่ทาโร่เข้าไม่ได้แล้ว
อาการกระดี๊กระด๊าเป็นหมากินยาบ้า ค่อยๆ หายไป
หลังๆ มานี้ทาโร่ไม่ร่าเริงเต็มที่เหมือนกัน

วิกฤตครั้งใหญ่เกิดกับทาโร่อีกหน
แม่บอกว่า คืนนั้นมาร้องหงิงๆ เสียงดังหน้าประตู
แม่ออกไปดู ตาข้างซ้ายปิด และบวม
ดึกดื่นทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการกรอกยาแก้ปวดให้มัน
พร้อมกับคำปลอบใจ

ตาดำบุ๋มลึกลงไป ตาดำเหมือนแตกๆ เป็นลักษณะที่พอบรรยายได้
ตลอดช่วงที่สื่อสารกับแม่บ้านโทรศัพท์
คิดว่า.. เอานา เดี๋ยวมันก็หาย
พอไปเจอะด้วยตา คำพูดที่หลอกตัวเองคงใช้ไม่ได้อีกแล้ว
ตาหนูไม่บอดหรอก ที่ใช้หลอกทั้งหมา ทั้งตัวเอง คงใช้ไม่ได้แล้ว

เดินๆ อยู่ จู่ๆ ก็เซ กะตำแหน่งการก้าวไม่ถูก เดินชนโน่นนี่
อาการที่แสดงออกพวกนี้ คงจะสื่ออะไรๆ ได้แล้ว
เฮ้อ... หัวอกคนเป็นแม่... ใจแทบขาด

Wednesday 7 May 2008

Attention Pleaseสงครามนางฟ้า... ของแท้ต้องเป็นอย่างนี้

Rating:★★★★
Category:Other
ไม่มีการแหกปากด่า
ไม่มีใครตัวอิจฉามาทำหน้าบิดเบี้ยวว่าฉันมันตัวร้ายเสียเต็มประดา
ไม่มีการขึ้นคร่อมตบ
ไม่มีการเอาเปลือกทุเรียนไล่ตบให้เห็น

มีแต่ความมุ่งมั่น
ความตั้งใจจริง
กับการไล่ล่าตามความฝันของประดาหญิงสาว
ความฝันที่จะได้เป็น cabin attendant - นางฟ้าที่ไม่ต้องมีปีกก็บินได้ ของสายการบิน JAL

เริ่มหาเรื่องนี้มาดู ไม่ใช่เพราะเนื้อหาใดๆ เลย
แต่เหตุมันเกิดจากผู้ชาย...
พ่อหนุ่มอะโซคุงจาก 1 litre of tears (ชื่อไทย – บันทึกน้ำตา 1 ลิตร, แหม้!! ช่างไพเราะเสียนี่กระไร)
และแน่นอน... เรื่องนี้พ่อหนุ่มเรียวก็มากับบทบาทคล้ายเดิม – นิ่งๆ เงียบๆ พร้อมยิ้มบาดใจ ^0^

สอบสัมภาษณ์ สอบข้อเขียนผ่าน แต่ใช่ว่าคุณจะมีโอกาสได้บินในทันที
ต้องมาเรียนรู้การโค้งคำนับกันใหม่ตั้งแต่ต้น
การพูดทักทาย ขอบคุณ ที่พูดกันจนชินปาก
แต่พูดอย่างไหน น้ำเสียงแบบไหน แววตายังไง มันถึงส่อความจริงใจกันอย่างที่สุด
ปากกาเพียงด้ามเดียวที่ทำตกในโรงเก็บเครื่องบิน แต่กลับคือเรื่องใหญ่ที่ต้องพลิกโรงเก็บหาของบรรดานายช่างฯลฯ

การจะเป็นนางฟ้านี่มันไม่ง่ายเลย
(ของญี่ปุ่นนะ ของบ้านเรานี่จะขนาดนี้รึเปล่าก็ไม่รู้)




Tuesday 6 May 2008

รสมือ... รสรัก

 

จำได้ว่าเมื่อเด็กๆ อาหารที่ทำให้หมู่เฮาพี่น้องเปรมปรีดิ์กันอย่างนึงก็คือ
ข้าวคลุกปลาทู ปลาเค็ม ขี้มือแม่
กินกันทีเรียกว่าเป็นกะละมัง
วันไหนที่มีปลาทู ปลาเค็ม เหมือนแม่จะรู้ชะตากรรมตัวเอง
อิดออดบ้างตามประสา
เดี๋ยวมือเหม็นบ้างล่ะ
ขี้เกียจบ้างล่ะ
แต่สุดท้ายแม่ก็จะเดินไปในครัวเพื่อล้างมือ
ค่อยๆ ลงมือแกะเนื้อปลา เขี่ยก้างออก
บี้เนื้อปลาคลุกกับข้าว
และจะแถมภูเขาทองให้สองสามเหยาะ ในกรณีที่เป็นปลาทู
เป็นอาหารที่เราพี่น้องกินกันอย่างอร่อย
ช้อนคนละคัน คนละจ้วงสองจ้วง
ข้าวเป็นกะละมังก็ไม่ค่อยจะพอ

สามปีก่อน ตอนงานศพพ่อ
ยายที่อยู่ปากพนัง ขึ้นมางานศพพ่อด้วย
น้าๆ ที่อยู่สารพัดทิศก็มาด้วย
มือเที่ยงมีปลาทูเป็นหนึ่งในกับข้าว
ฉันตักข้าวหนึ่งถ้วย พร้อมจานปลาทูยื่นไปให้ยาย
หวังแค่ให้ยายขยำกับข้าวให้เท่านั้น
แต่ยายค่อยๆ แกะเนื้อปลา
ค่อยๆ เขี่ยก้างออก
เอาปลาบี้ๆ กับข้าว
ปั้นเป็นก้อนขนาดพอคำ
แล้วส่งข้าวคำนั้นเข้าปากฉันด้วยมือของยายเอง
“ข้าวแมว ยังกินเหมือนตอนเด็กๆ เลยนะ” ยายพูดทั้งที่กินหมากปากแดง แล้วยิ้มให้
แล้วยายก็ค่อยแกะปลาทู บี้กับข้าว ปั้นเป็นก้อน ป้อนเข้าปาก
คำแล้วคำเล่า
ท่ามกลางสายตาของญาติ ของพี่ ของแม่ ที่มองมา
ไม่รู้ว่าเป็นสายตาขำ เอ็นดู หมั่นไส้
หรืออยากมีอารมณ์นี้แบบฉันบ้างก็ไม่รู้

เพราะพอโตขึ้น ฉันไม่เคยเห็นพี่ๆ คนไหนบอกให้แม่คลุกข้าวอย่างนี้ให้กินอีก
ไม่รู้ว่าเพราะข้าวแบบนี้มันไม่อร่อยเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าเพราะโตเกินกว่าจะร้องขอให้แม่ทำอะไรแบบนี้
หรือไม่รู้ว่าอายที่จะร้องขอให้แม่คลุกข้าวให้

ก็ไม่รู้...

 

 

 

 

 

ข้าวที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้าวเปล่า และปลาเค็ม ปลาทู
แต่มันกลับอร่อยกว่าอาหารดีๆ แพงๆ เจ้าไหนๆ
เรียกว่าเป็นข้าวที่คลุกด้วยความรัก… คงไม่เว่อร์ไปใช่มั้ยเนี่ย

Sunday 27 April 2008

Aishiteiru to ittekure : ผ่านไปสิบปี ตวามรู้สึกดีๆ ก็ยังอยู่

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Romance
ช่วงราวๆ ประมาณ ม.4
จำได้ว่าตอนนั้น พอเลิกเรียนปุ๊บ ไม่มีใครคนไหนเถลไถล
ทุกคึนต่างมุ่งหน้ากันกลับบ้าน
เพื่อให้ทันดูละครยี่ปุ่นเรื่องนึงทางช่อง 3
ซีรีส์ที่ ณ ตอนนี้ไม่มีความทรงจำอะไรมากไปกว่า
นางเอกหน้าเด็ก ตัวเล็ก นมตู้ม กับเพลงไตเติ้ลที่เธอยืนอยู่ในน้ำ
พอน้ำกระเพื่อมที ซี้ดปากกันที
นางเอกที่ทำเอาพี่ชายเรา และเพื่อนหนุ่มหลายคนถึงขั้นเพ้อ

พระเอกที่หน้าตาไม่ค่อยดี และเป็นใบ้
พระเอกที่ทำให้เราลองทำภาษามือแบบมั่วๆ เลียนแบบในละคร

นั่นแหละ คือความทรงจำที่มีเกี่ยวกับละครเรื่องนี้

จนเมื่อเดือนก่อนไปเจอประกาศขายซีรีส์เรื่องนี้ในเน็ต
แวบแรก ด้วยชื่อเรื่องภาษไทย ญี่ปุ่น และอังกฤษ
ยังไม่ทำให้เราจำกันได้
แต่ภาพประกอบที่เป็นพระเอกยืนโอบนางเอกอยู่ในน้ำ
นี่แหละ
ที่ฉันตามหา

ได้กลับมาดูอีกครั้ง
ยังรู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิม
นางเอกยังโคตรน่ารักเหมือนเดิม
พระเอกยังดูขี้ริ้วเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลับรู้สึกว่า ช่างเป็นกระทาชายที่ดูอบอุ่นอะไรเยี่ยงนี้
เนื้อเรื่องที่พอจำได้เลาๆ ค่อยชัดชัดขึ้นเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป
ภาษามือที่พอจะเข้าใจได้มากขึ้น หลังจากผ่านการดูซีรีส์ภาษามือประกอบเป็นเรื่องที่สอง
ด้านเนื้อหาไม่ต้องบรรยายกัน
เอาเป็นว่า
เราได้ความทรงจำดีๆ
ความสุขกลับมา
ก็พอแล้ว


ป.ล. เหมือนเดิม
สนใจ มีให้หยิบยืม

Saturday 5 April 2008

hana kimi : when Taiwan VS Japan

Rating:★★★★
Category:Other
ได้ยลด้วยตามาทั้งสองเวอร์ชั่น
ไต้หวันเวอร์ชั่นช่อง 3 - ดูบ้าง พลาดบ้าง ตามแต่วลาจะอำนวย
ญี่ปุ่นเวอร์ชั่นแผนผี - ดูตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยเวลาสองคืน หนึ่งวัน

ยกที่หนึ่ง : ความสนุก
พอกัน แต่ด้วยเพราะไต้หันนี่ดูแบบพากษ์ไทย มีโฆษณา แถมต้องรอคืนศุกร์-เสาร์ เลยทำให้อรรถรสในการรับมเสียไปบ้าง

ยกที่สอง : ความเพี้ยน
เพื้ยนสูสี แต่ก็เพี้ยนกันไปคนละแบบ ไต้หวันรู้ๆ กัน เพี้ยนตามสไตล์แบบที่เคยดูๆ มา บกเสียงพากษ์อีก ส่วนฝั่งต้นตำรับี่เพี้ยนแบบอรรถรสการ์ตูน มีลูกเล่นโน่นนี่ประหนึ่งดูการ์ตูน

ยกที่สาม : ตัวแสดง
หน้าตา และความล่ำนี่ พ่ออู๋จุนฝั่งไต้หวันนี่กินขาดลอยนำละลิ่วไปไกล พูดง่ายๆ ว่า ของญี่ปุ่นนี่ ตัวแสดงชายส่วนใหญ่นี่ดูดี ยกเว้นพระเอก !!
ส่วนนางเอก เราชอบเอลล่าฝั่งไต้หวันมากกว่า ดูเธอดุ๊กดิ๊กๆ น่ารักดี

สรุปโดยรวม
ขอยกมือให้กับฝั่งญี่ปุ่นในเนื้อหา ความสนุก โดยรวม
ยกเว้นพระเอกเรื่องเดียว ที่ขอเทให้กับฝั่งไต้หวัน


ใครอยากดูเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนี่บอกกล่าวกันได้น้า
มีทั้งรูปแบบหยิบยืม และทำซ้ำ


Wednesday 2 April 2008

โลโม่แบบบ้าน-บ้าน




ไม่มีตาปลาเป็นของตัวเอง
อาศัยอุปกรณ์สองข้างทาง
พอหยวนๆ

Wednesday 5 March 2008

ความพยายามแบบบ้า-บ้า

ความพยายามแบบบ้า-บ้าที่ว่า
พูดอีกอย่างก็คงเรียกว่า… ‘ความดันทุรัง’ นั่นแล
มันมีในตัวเราแบบเต็มเปี่ยม

ไม่ว่าจะเป็น…
โบกรถตู้แล้วรถตู้มันไม่ยอมเข้าป้าย… ได้… งั้นชั้นจะรอขึ้นรถตู้คันต่อไปก็ได้
ทั้งที่ตอนนั้นก็สายโด่ง แถมนานๆ รถตู้สายนี้จะมาที
ความพยายามอย่างบ้า-บ้า ก็บัะงเกิด
รถเมล์มา… ไม่ขึ้น
คันแล้วคันเล่า
ผ่าานไปเฉียดครึ่งชั่วโมง ได้ขึ้นรถตู้สมใจ
ส-บ-า-ย-ใ-จ

ไม่ว่าจะเป็น…
นั่งรอรถเมล์สาย 168 อยู่ที่อนุสาวรีย์ตอนสี่ทุ่มนิดๆ
ท่ามกลางอากหาศเย็นๆ นิด บวกกับอาการป่วยกระเสาะกระแสะ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป… ยังไม่มีรถ
เอานา… เดี๋ยวมันก็มา
จะไม่แท็กซี่เด็ดขาด
ชั่วโมมงผ่านไป
ไม่มีวี่แวว
โอ๊ะ… รถสายนี้ไปได้ แต่ค่ารถแพงกว่าหน่อย
ไม่เอา ฉันจะไป 168
รอ… รอ… รอ…
สองชั่วโมงครึ่งผ่านไป
เพื่อนร่วมชะตากรรมผลัดเปลี่ยนหน้ากันไปเรื่อย
แต่อิฉันยังอยู่ที่เดิม
คุณป้าที่มาหย่อนก้นนั่งข้างๆ ชวนคุย
เลยได้รู้ว่าอิฉันนั่งรอมาหลักสองชั่วโมง
ถ้าป้าเป็นหนู ป้าไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้วล่ะ
เอ่อ…
ผลสรุปสุดท้าย
รถไม่มา หันมาพึ่งแท็กซี่ จนได้
รุ่งเช้าไข้กลับ
ไม่น่าเล้ย…