บางคนเรียกมันว่าเพื่อน
บางคนสถาปนาใหเป็นลูก
ขณะที่บางคนรักมันเหมือนพี่น้อง
สำหรับ... ทาโร่เป็นเหมือนลูกชายค่ะ
ทาโร่มาอยู่กับเราเมื่อมิถุนายน ปี 2547
ตอนนั้นตัวกระเปี๊ยกเดียว มีวี่แววว่าจะไม่รอด
เพราะตอนนั้นท้องเสียอยู่หลายวัน
ด้วยความอึด ทาโร่ก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
ช่วงที่พ่อเสีย ก็ได้ทาโร่นี่แหละอยู่เป็นเพื่อนแม่ (คุณยายของทาโร่)
สร้างความปวดหัวให้แม่บ้าง สร้างความอุ่นใจให้แม่ในวันที่ฝนตก ไฟดับ ว่าอย่างน้อยแม่ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกตัวนึงอยู่ข้าง
เกิดวิกฤตกับชีวิตทาโร่อีกหน
จู่ๆ ตาข้างขวาก็อักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตาปิด ตัวร้อน เล่นเอาต้องเช็ดตัวให้ตลอดคืน
แล้วทาโร่ก็ผ่านวิกฤตมาได้อีกหน
พร้อมกับได้เม็ดนูนๆ ขึ้นมาที่กระจกตา
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
คนกับหมาคงรู้สึกไม่ต่างกัน
ทาโร่ต้องย้ายตามยาย (แม่เรา) ไปพนมสารคาม
หมาที่เคยนอนหนุนหมอนใบเดียวกันกับเรา นอนแย่งผ้าห่มเราบ้าง แม่บ้าง ในวันที่อากาศเย็น
โดนอัปเปหิให้นอนนอกบ้าน
กลับมาบ้านคลอง 11 ก็ได้แต่นั่งมองจากประตู ส่งเสียงหงิงๆ
บ้านเป็นที่ที่ทาโร่เข้าไม่ได้แล้ว
อาการกระดี๊กระด๊าเป็นหมากินยาบ้า ค่อยๆ หายไป
หลังๆ มานี้ทาโร่ไม่ร่าเริงเต็มที่เหมือนกัน
วิกฤตครั้งใหญ่เกิดกับทาโร่อีกหน
แม่บอกว่า คืนนั้นมาร้องหงิงๆ เสียงดังหน้าประตู
แม่ออกไปดู ตาข้างซ้ายปิด และบวม
ดึกดื่นทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการกรอกยาแก้ปวดให้มัน
พร้อมกับคำปลอบใจ
ตาดำบุ๋มลึกลงไป ตาดำเหมือนแตกๆ เป็นลักษณะที่พอบรรยายได้
ตลอดช่วงที่สื่อสารกับแม่บ้านโทรศัพท์
คิดว่า.. เอานา เดี๋ยวมันก็หาย
พอไปเจอะด้วยตา คำพูดที่หลอกตัวเองคงใช้ไม่ได้อีกแล้ว
ตาหนูไม่บอดหรอก ที่ใช้หลอกทั้งหมา ทั้งตัวเอง คงใช้ไม่ได้แล้ว
เดินๆ อยู่ จู่ๆ ก็เซ กะตำแหน่งการก้าวไม่ถูก เดินชนโน่นนี่
อาการที่แสดงออกพวกนี้ คงจะสื่ออะไรๆ ได้แล้ว
เฮ้อ... หัวอกคนเป็นแม่... ใจแทบขาด